Friday, July 6, 2012

Visit Japan FIT Travel Fair 2012 เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) จัดงานเพื่อส่งเสริมข้อมูลด้านการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยตนเองขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2012 นี้


“เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 2012” (Visit Japan FIT Travel Fair 2012)
20 – 22 กรกฎาคม 2555
11.00 – 20.00 น.
Terminal 21 ชั้น G (BTS สถานีอโศก)


โดยงาน “เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 2012” นี้ จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 14.00 – 15.00 น. ภายในงานนี้ก็จะมีกิจกรรมน่าสนใจหลายอย่าง

- การออกบูธท่องเที่ยวญี่ปุ่นทั้งจากบริษัทในไทยและจากญี่ปุ่น เช่น บริษัททัวร์ และโรงแรม เป็นต้น
การจำหน่ายตั๋วรถไฟ Japan Rail Pass ซึ่งเป็นบัตรรถไฟใบเดียวขึ้นรถไฟ Japan Railway ได้ทั่วญี่ปุ่นและบัตรอื่นๆ

- การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น โดยเจ้าหน้าที่จาก JNTO

- การให้คำปรึกษาการแต่งหน้าและการเลือกสีเสื้อผ้าให้เหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น การแต่งคอสเพลย์ และการแสดงบนเวทีโดยแอร์โฮสเตสจาก Japan Airlines

- การแสดงมินิคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดังที่จะมาพูดคุยกับเราบนเวทีด้วย

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม        17.00 – 18.00 น.        แพรว คณิตกุล
วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม       15.00 – 16.00 น.        ลุลา
วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม   15.00 – 16.00 น.        ชิน ชินวุฒ

ศิลปินดังคุยเฟื่องบนเวที

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม                  เปรมณัช (เป๊ก) สุวรรณานนท์ (จากรายการ Holiday Japan)
วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม              เรย์ แมคโดนัลด์

- ของขวัญอภินันทนาการสำหรับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ภายในงาน “เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 2012”



ขอบคุณข้อมูล : www.marumura.com

Thursday, July 5, 2012

การเข้าคิวของคนญี่ปุ่น

ใครที่เคยไปประเทศญี่ปุ่น คงคุ้นตากับภาพการเข้าคิวของคนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเข้าคิวซื้อของ เข้าคิวรอทานอาหาร เข้าคิวขึ้นรถโดยสาร และล่าสุด เหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ ได้ทำให้คนทั่วโลกเกิดความประทับใจ เมื่อเห็นภาพ ความมีระเบียบสูงของคนญี่ปุ่น ที่เข้าคิดยาวเหยียด เพื่อรับอาหารและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ไม่มีแซงคิว ไม่มีการโหวกเหวกโวยวาย ไม่มีการเบียดดันคนข้างหน้า ไม่แอบเนียนทักทายคนรู้จัก แล้วแซกเข้ามาในแถว และอีกสารพัดวิธีที่เราเคยพบ (หรือเคยทำ) ในเมืองไทย


ที่พูดถึงเรื่องนี้ ไม่ได้จะมาว่าคนไทยด้วยกัน เพียงแต่หากคนไทยฝึกความมีระเบียบวินัย เริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่าง การเข้าคิว ก็มีส่วนสร้างความสงบ และความเจริญให้ประเทศชาติมิใช่น้อย



ช่วงนี้ฝนตกทั่วฟ้าเมืองไทย คนกรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อย ต้องอาศัยรถไฟฟ้า รถใต้ดิน รถโดยสารในการเดินทาง โดยเฉพาะ Taxi ที่มีจุดจอดรับอยู่หลายแห่ง แต่ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Taxi ขาดระยะ มีคนเข้าแถวรอ Taxi มากกว่า 10 ราย (จุดจอดรับ BTS อ่อนนุช) และต้องใช้เวลารอ Taxi นานมากขึ้น เมื่อมีพี่น้องชาวไทยจำนวนหนึ่ง โบกเรียก Taxi นอกป้าย และ Taxi ก็จอดรับด้วยความหวังดี ปล่อยให้พี่น้องชาวไทยที่ยืนเข้าคิวตากฝนอยู่ มองตามตาปริบๆ ...



พี่น้องชาวไทย เรามาร่วมกันทำความดีเพื่อในหลวง เพื่อประเทศชาติ เริ่มต้นที่การเข้าคิวอย่างมีระเบียบกันเถอะ ที่สำคัญ..เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกหลานของเราด้วย..สวัสดีประเทศไทย


Wednesday, June 13, 2012

Kaiji The Ultimate Gambler “ไคจิ กลโกงมรณะ”

แอบภูมิใจนิดนึง ที่พบข้อมูลว่า เมืองที่แพงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 1 คือ เมืองโตเกียว ญี่ปุ่น 2.เมืองอูลันดา แห่งแองโกลา และอันดับ 3 โอซาก้า ญี่ปุ่น (อีกแล้ว) ครองตำแหน่งเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก เป็นความภูมิใจเล็กๆ ของเรา ที่อุตส่าห์เก็บสะสมเงิน ไปเที่ยวเมืองที่แพงที่สุดในโลก ทั้งโตเกียว และโอซาก้าได้สำเร็จ แต่สำหรับคนที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันจริงๆ ที่ญี่ปุ่น ความรู้สึกคงตรงกันข้าม

Kaiji
Kaiji: the Ultimate Gambler “ไคจิ กลโกงมรณะ” เป็นภาพยนต์ญี่ปุ่น ที่สะท้อนการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น แบบคนเมืองได้เป็นอย่างดี อ๊ะ อ๊ะ!! อย่าเข้าใจผิดว่าบล๊อค Kokoro Karakaku เปลี่ยนแนวเขียน เป็นวิจารณ์ภาพยนตร์ญี่ปุ่น เราไม่ใช่กูรู้ เอ้ย!กูรู แค่ชอบญี่ปุ่น เลยดูหนังญี่ปุ่น แล้วอยากบอกต่อเพื่อนๆ เท่านั้นเอง

ฉากที่ประทับใจคือ ฉากที่ตัวร้าย ด่าผู้เล่นเกมบนเรือได้อย่างเจ็บปวด เหมือนมีดแทงทะลุหัวใจ ทั้งที่ไม่มีคำหยาบคายเลย ไม่ต้องเซ็นเซอร์ แต่เจ็บปวดมากกกก เราเองก็โดนไปหลายดอก ทำให้เรียนรู้ว่า อาวุธที่ทำร้ายคนได้เจ็บปวดที่สุด คือคำพูด 

สิ่งที่มองเห็น จากภาพรวมของ Kaiji: the Ultimate Gambler คือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการเงิน ที่ทำให้คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ในเมืองใหญ่ ที่มีค่าครองชีพสูง มีหนี้สินล้นตัว ต้องดิ้นรน แข่งขัน แสวงหาความร่ำรวยทางลัด ซึ่งข้อนี้คนไทยเราก็เป็นเหมือนกัน

เกม ใน Kaiji: the Ultimate Gambler แสดงให้เห็นว่า กติกา ใช้ไม่ได้ สำหรับเกม  ที่ผู้เล่นตั้งใจโกง แต่ถ้าไม่โกง ก็ต้องรู้เท่าทันคนโกง ต้องคิดเหนือชั้นกว่า มีไหวพริบมากกว่า

เกมการแข่งขัน ไม่มีมิตรแท้ หากจะมี ก็เพียง 1% เท่านั้น คนที่มาทำดีกับเรามากผิดปกติ นั่นแหละตัวอันตรายเลย

คนฉลาดเกินไป คิดซับซ้อน คิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น มักพลาดพลั้งให้คนที่ด้อยกว่า ทำให้ไคจิสามารถชนะเกมได้

คนจน หวังรวยทางลัด มักตกลงหลุม ที่คนรวยขุดไว้ เหมือนการเล่นหวย ใครก็อยากรวย อยากถูกหวย แต่หากนำเงินที่ซื้อหวยไปหยอดกระปุก คงรวยไปแล้ว หลายคนตกหลุมพลาง ไปหยอดกระปุกให้เจ้ามือแทน

เกม ไม่ใช่แบบเรียน ฉลาดอย่างเดียว ชนะไม่ได้ ต้องใช้ทั้งสติปัญหา ไหวพริบ ความอดทน ความกล้าหาญ รู้เท่าทันเกม เปรียบเหมือนการใช้ชีวิตนั่นเอง ทุกวันนี้เราก็อยู่ในเกมโดยไม่รู้ตัว ออกจากเกมก็ไม่ได้ด้วย

คำพูดที่ว่า "ดูหนัง ดูละคร แล้วให้ย้อนดูตัวเราเอง" นำมาใช้ได้เสมอ อยู่ที่ว่า เราได้นำเนื้อหาสาระ ที่ผู้สร้างนำเสนอ มาคิด วิเคราะห์ พิจารณาได้มากน้อยขนาดไหน

เมืองที่แพงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 4 มอสโก รัชเซีย 5. เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
ประเทศไทย ยังยิ้มได้ ค่าครองชีพของเรา ไม่ติด 50 อันดับแรก ขอให้พี่น้องชาวไทย สู้กันต่อไป คัทเตะ คัทเตะ!!
 
ขอบคุณแหล่งข้อมูล เมืองที่แพงที่สุดในโลก ปี 2012
 

Wednesday, May 9, 2012

พรีออเดอร์ Pre-order คืออะไร

Blog kokoro-karakaku เริ่มต้นจาก คนที่มีความฝัน อยากไปประเทศญี่ปุ่น อยากทานอาหารญี่ปุ่น ซูชิสด สด คำโต โต อยากสัมผัสซากุระของจริง อยากปืนป่ายฟูจิซัง อยากนั่งรถไฟชินคังเซน อยากพูดภาษาญี่ปุ่นกับคนญี่ปุ่น อยากแก้ผ้าแช่ออนเซ็นท่ามกลางขุนเขา อยากนอนฟุตอง อยากอยู่บ้านมีประตูบานเลื่อนกระดาษ แบบในการ์ตูนญี่ปุ่น และความอยากส่วนตั๊ว ส่วนตัวอีกมากมาย ซึ่งนับวันมีแต่มากขึ้นๆ 



เมื่อมีโอกาสได้เดินทางตามความฝัน บินข้ามทะเล 6 ชม.ไปถึงญี่ปุ่นแล้ว ก็อยากถ่ายทอดเรื่องราว ความคิด สิ่งที่พบเห็นในญี่ปุ่น ให้เพื่อนๆ ที่มีความฝันเหมือนกัน ได้เข้ามาอ่าน เพื่อกระตุ้นต่อมฝัน เปลี่ยนเป็นพลังผลักดัน ให้ฝันกลายเป็นจริง

ธุรกิจพรีออเดอร์ (Pre-order) หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เพื่อนๆ ฝากเราซื้อของมาให้นั่นเอง ตัวอย่างเช่น เพื่อนอยู่ต่างจังหวัด แต่อยากได้เสื้อผ้าที่ขายอยู่ในห้างพารากอน กรุงเทพฯ เลยฝากเราไปซื้อ แล้วส่งของกลับไปให้ผ่านไปรษณีย์

ดังนั้น เจ้าของร้านรับพรีออเดอร์ อย่างเรา จะไม่มีสินค้าในสต๊อก เป็นคนกลาง ประสานงานกับผู้จำหน่ายสินค้า สั่งซื้อสินค้า ตามที่ลูกค้าต้องการ แล้วจัดส่งไปให้ลูกค้าผ่านไปรษณีย์ หรือระบบขนส่ง

ประเทศญี่ปุ่น ผลิตสินค้ามากมาย ทั้งของเล่น โมเดล การ์ตูน หนังสือ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แฟชัน เครื่องดนตรี เครื่องสำอางค์ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ แฮนเมด เป็นแหล่งช้อปปิ้งระดับโลก เกิดธุรกิจซื้อขายสินค้า ประมูลสินค้า ผ่านโลกออนไลน์ตลอดเวลา

เมื่อตลาดออนไลน์เปิดกว้าง ทุกคนสามารถ Search สิ่งที่ต้องการ ได้เพียงคลิ๊กเดียว แต่สินค้าที่ขายในเว็บไซต์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะตลาดออนไลน์ชื่อดังอย่าง amazon.co.jp, auctions.yahoo.co.jp และอีกหลายเว็บไซต์ ไม่ส่งสินค้าออกนอกประเทศญี่ปุ่นอยากได้ต้องมาซื้อเองที่ญี่ปุ่น ทำให้เกิดบริการรับฝากซื้อ ฝากหิ้ว สินค้าญี่ปุ่น ส่งกลับมาให้ผู้ฝากซื้อที่เมืองไทย

เรา เป็นเพียง คนที่ชอบประเทศญี่ปุ่น ชอบสินค้าญี่ปุ่น และยังคงมุ่งมั่นทำตามความฝัน ที่จะเดินทางไปเยี่ยมเยือนญี่ปุ่น เหมือนบ้านหลังที่ 2 จึงได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนรุ่นน้อง ที่เขามีโอกาสดี ได้ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ทำธุรกิจรับฝากซื้อสินค้าญี่ปุ่นขึ้นมา

Blog kokoro-karakaku รับฝากซื้อสินค้าญี่ปุ่น แบบเป็นกันเอง เหมือนเพื่อน พี่ น้อง ญาติๆฝากซื้อของ เรามีตัวตน ให้เพื่อนๆ เข้ามาทักทาย ทำความรู้จักที่ Facebook.com/jang.tebenma


Blog kokoro-karakaku รับฝากซื้อสินค้าญี่ปุ่น คิดอัตราแลกเปลี่ยนตาม Exchange Rates VISA ค่าสินค้า ค่าจัดส่งไปรษณีย์ ค่าธรรมเนียมโอนเงิน รวมถึงภาษีศุลกากรนำเข้า ผู้ฝากซื้อต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

Blog kokoro-karakaku จะช่วยดูแลแพคสินค้า ให้กับผู้ฝากซื้ออย่างดีที่สุด แต่หากสินค้าชำรุด เสียหาย ระหว่างการขนส่ง ซึ่งไปรษณีย์ไม่รับผิดชอบใดๆ Blog kokoro-karakaku ก็มิอาจช่วยรับผิดชอบมูลค่าสินค้าให้กับผู้ฝากซื้อได้ ขอให้ผู้ฝากซื้อทำความเข้าใจ และพิจารณาก่อนตัดสินใจฝากซื้อสินค้า

どうもありがとうございました

-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+



Monday, May 7, 2012

พาเที่ยวงานวัด คิโยมิซึ Kiyomizu-dera

คนไทยกับงานวัดเป็นของคู่กันมาตั้งแต่อดีต แม้ปัจจุบันจะมีการจัดงานวัดน้อยลง แต่ทุกครั้งที่จัดงานวัด ก็ยังได้รับความนิยมจากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ย่อมอยากสัมผัสวิถีชีวิตคนไทยผ่านงานวัด ที่มีการละเล่นไทย ขนมไทย สินค้าไทย ในประเทศญี่ปุ่นมีวัดอยู่จำนวนไม่น้อยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก หนึ่งในนั้นคือวัดคิโยมิซึ (Kiyomizu-dera) หรือวัดน้ำใส เป็นวัดยอดฮิตติดอันดับต้นๆ ของเกียวโต เพราะความงดงามและความเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 788 ซึ่งมีอายุมากกว่าเมืองเกียวโต เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ



วัดคิโยมิซึ มีความสวยงามทุกมุมมอง จะกดชัตเตอร์มุมไหน ก็ได้ภาพที่ประทับใจทุกครั้งไป แต่มุมที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมเก็บภาพถ่ายมากที่สุด เห็นจะเป็นมุมที่ถ่ายให้เห็น “บุไต” หรือระเบียงวัด ที่ทำจากไม้ขนาดใหญ่ 139 ต้น ตั้งค้ำระเบียงไว้ที่ไหล่เขา ความสูงของระเบียงจากพื้น สูงถึง 13 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นวิวรอบวัดคิโยมิซึอันงดงาม วันที่อากาศดีฟ้าโปร่งอาจมองเห็นเกียวโตทาวเวอร์และเมืองเกียวโต นักท่องเที่ยวเดินทางไปถึงวัดคิโยมิซึแล้ว อย่าลืมแวะดื่มน้ำบริสุทธิ์ ที่เรียกว่า “โอโทวะโนะทาคิ” เป็นสายน้ำสามสายไหลลงมา ให้นักเดินทางได้ดื่มเพื่อความโชคดี ร่ำรวย และสุขภาพดี เป็นความเชื่อที่ไม่ควรพลาด


Kyoto Higashiyama Hanatouro เป็นงานประจำปี ช่วงปลายเดือนมีนาคมของทุกปี จัดแสดงแสงสีต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ มีการออกร้านขายของตลอดเส้นทาง มีทั้งขนม ของฝาก ของที่ระลึก ซุ้มขายอาหาร ตั้งแต่ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka – jinja) บริเวณกิออน ไปจนถึงวัดคิโยมิซึ ทางเดินเป็นถนนสายเล็กที่มีบันไดเป็นหิน แถมเป็นเนินเดินขึ้นภูเขา นักท่องเที่ยวเดินกันเต็มพื้นที่ในช่วงที่จัดงาน ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดิน อาจพลาดเดินสะดุดบันไดหินหกล้มได้  มีร้านขายของฝากมากมาย เดิน ชิม ช้อป ได้เหมือนงานวัดบ้านเรา  เดินเหนื่อยแล้วก็แวะนั่งพักทานขนมดื่มชาเชียวก่อนได้ หลายร้านมีบริการไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชิมก่อนติดสินใจซื้อ


ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hanatouro.jp

Thursday, April 26, 2012

Kyoto City Bus รถเมล์บ้านเขา ใยแตกต่างจากบ้านเรา

ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น เคยได้ยินแต่คนพูดถึงรถไฟชินคังเซ็น ที่เร็วปู๊ดป๊าด ระดับเจ้าพ่อเจ้าแม่รถไฟ ไม่ค่อยมีใครพูดถึงรถเมล์ หรือ City Bus รถประจำทางในญี่ปุ่น จึงอยากนำเสนอถึงความประทับใจมากมายที่ได้รับ ใครมาเที่ยวเกียวโต คงไม่พลาดที่จะซื้อตั๋ว One day pass City Bus 500 yen เที่ยวรอบเกียวโตตลอด 1 วัน ขึ้น-ลง กันแบบไม่ต้องกลัวหลงทาง เพราะมี Kyoto map ไว้รองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างด้าว อ๊ะ!ต่างชาติ ป้ายรถประจำทาง นอกจากจะมีข้อมูลของสาย City Bus ที่จะเข้ามาจอดป้ายแล้ว ยังมีระบบบอกสถานะของ City Bus ที่กำลังจะเข้ามาจอดป้ายอีกด้วย และไม่เคยผิดพลาด ชอบมากๆ อยากให้บ้านเรามีแบบนี้บ้าง



การขึ้น City Bus ก็ไม่ต้องวิ่งหอบแฮ่ก ค่อยๆ เรียงคิวเดินขึ้นอย่างสุภาพเรียบร้อย หากผู้โดยสารยังขึ้นรถไม่เรียบร้อย คนขับจะยังไม่เคลื่อนรถออก ประตูรถปิดอัตโนมัติ เต็มแล้ว ให้รอขึ้นคันถัดไป ไม่นาน รออีกประมาณ 10-15 นาที ขึ้นไปบน  City Bus แล้วจะนั่งหรือยืนก็ตามสะดวก ที่นั่งไม่มากแบบรถเมล์บ้านเรา แต่ปุ่มกดออดมีเยอะมาก 360 องศา หากไม่ระวังตัว มีสิทธิ์พลาดโดนออดได้ แต่ก็ไม่ต้องกังวล เท่าที่นั่งมา จอดแทบทุกป้าย

คนขับรถ City Bus ที่เราได้มีโอกาสใช้บริการในเกียวโต ขับรถและพูดจาด้วยความสุภาพ (มาก) บางคนพอใกล้จะจอดรถก็บอก รถใกล้จะออกตัวก็บอก แม้จะมีระบบอัตโนมัติผ่านมอนิเตอร์แล้ว แต่คนขับก็ยังพูดผ่านไมโครโฟนแจ้งข้อมูลผู้โดยสารตลอดทาง ประทับใจจริงๆ

แต่บางเรื่องอาจไม่ทันใจบางคน ที่ชอบโบกรถเมล์นอกป้าย เพราะ City Bus ญี่ปุ่น ไม่จอดนอกป้าย ป้ายรถประจำทางอยู่ตรงไหน ไกลเท่าใด เราก็ต้องเดิน เดิน เดิน ไปรอ City Bus ให้ตรงป้ายจ้า นอกจากป้ายรถประจำทางจะอยู่ไกลแล้ว สี่แยกไฟแดงในตัวเมืองอย่างเกียวโต ขอบอกกว่ากว้างมาก ข้ามถนนแต่ละที เมื่อยน่องกันเลย แต่ความปลอดภัยหายห่วง หากเราข้ามไปได้เพียงครึ่งทาง แล้วไฟกระพริบถี่ขึ้นๆ ก็ไม่ต้องรีบวิ่ง เพราะรถที่ติดไฟแดง จะไม่รีบออกตัว แม้จะไฟเขียวแล้วก็ตาม เขาจะรอจนคนข้ามถนนเรียบร้อย แล้วจึงจะเคลื่อนทัพ (นานๆ จะเจอรถคันที่รีบ แต่ก็รีบอย่างสุภาพ)

ข้อมูลการเดินทางในเกียวโต

หากยังไม่คุ้นเส้นทางในญี่ปุ่น ก็ไม่เป็นปัญหา แผนที่ City Bus จะบอกสถานที่ที่เราต้องการไป ว่าให้ลงที่ป้ายรถประจำทางชื่ออะไร เราก็ดูที่จอมอนิเตอร์ ภายใน City Bus จะแจ้งชื่อป้ายรถประจำทางเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ มีทั้งคนญี่ปุ่นและต่างชาติลงเป็นเพื่อนอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล รถจอดแล้วค่อยๆ ทยอยลง ไม่ต้องรีบมายืนรอหน้าประตู หากมีบัตร One day pass City Bus เพียงโชว์บัตรให้คนขับดู ก็เดินลงไปได้เลย ยกเว้นครั้งแรกของการใช้บัตร ต้องสอดเข้าไปในเครื่อง เพื่อบันทึกวันที่เริ่มใช้ ไม่ยากเลย หากไม่มีบัตร สามารถแลกเงินผ่านเครื่องแลกเงินภายใน City Bus ได้เลย
  

Wednesday, April 18, 2012

Japan ญี่ปุ่น คนเดียวก็เที่ยวได้

ญี่ปุ่น คนเดียวก็เที่ยวได้

 “Japan ญี่ปุ่น คนเดียวก็เที่ยวได้ by BAS”

เป็นหนึ่งในหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่เรามีไว้ครอบครอง  และได้พิสูจน์ด้วยตัวเองว่า Japan ญี่ปุ่น คนเดียวก็เที่ยวได้จริงๆ นอกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว คนญี่ปุ่นเอง ก็นิยมเที่ยวในญี่ปุ่น มีทั้งเดี่ยว คู่ และครอบครัว เที่ยวคนเดียวส่วนใหญ่ เป็นวัยรุ่น วัยเรียน วันเริ่มทำงาน  (ยังไม่มีคู่) บ้างเดินทางมาเยี่ยมเพื่อน บ้างเยี่ยมครอบครัว  บ้างมาสอบ พักเที่ยวระหว่างทำงานก็มีบ้าง

ญี่ปุ่น มีสถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นมรดกโลกมากมาย แต่ละแห่งมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หาได้ไม่ยาก บริการข้อมูล เอกสาร แผนที่ แผนการเดินทาง มีทั้งภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ แม้ชาวญี่ปุ่นจะพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง (หรือคล่องแต่เราฟังไม่เข้าใจ) แต่ก็มีน้ำใจยินดีช่วยเหลือเต็มที่ หลายคนพาเราไปส่ง ถึงจุดหมายปลายทาง น่ารักมากๆ ขอขอบคุณอีกครั้ง


Hotel TOYO

Hotel Toyo เป็นที่พัก สุดประหยัด ในโอซาก้า ที่ถูกแนะนำไว้ในหนังสือ  “Japan ญี่ปุ่น คนเดียวก็เที่ยวได้ by BAS” ได้รับความนิยมอย่างแรง จากนักท่องที่ยวชาวไทย ที่บินลงหรือรอกลับสนามบินคันไซ ด้วยราคาเพียง คืนละ 1,500 yen

แม้ห้องพักจะค่อนข้างแคบ  (ห้ามดิ้นแรง) แต่ก็เหมาะมาก กับนักท่องเที่ยวคนเดียวอย่างเรา และอีกหลายๆ คน ทีต้องการประหยัดเงินเยนไว้เที่ยวญี่ปุ่นหลายๆวัน

Wednesday, April 11, 2012

ติดใจ "Onsen" ติดใจ "การแก้ผ้า" ลงแช่บ่อน้ำร้อน

ช่วงปลาย มี.ค. 2555 ที่ญี่ปุ่น อุณหภูมิ 14 องศาเซลเซียส ถือว่าหนาว สำหรับสาวไทย (โสด) อย่างเรา กิจกรรมที่ช่วยปรับสภาพร่างกายได้เป็นอย่างดี คือการลงแช่บ่อน้ำร้อน ซึ่งช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า จากการเดินท่องเที่ยวมาตลอดทั้งวัน และยังช่วยปรับระบบการทำงานของร่างกาย ให้ต้านทานกับอากาศหนาวได้ด้วย ตลอด 14 วัน ที่อยู่ญี่ปุ่น แม้จะปวดเท้าบ้าง เมื่อยขาบ้าง แต่ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยแต่อย่างใด 

ช่วง แรก พักใจกลางเกียวโต  เข้าไปใช้บริการเซนโตะ หรือสถานที่อาบน้ำรวมหลายครั้ง เพราะมีโอฟุโระ หรืออ่างอาบน้ำ ให้เลือกลงแช่ได้ตามใจชอบ ค่าบริการ 420 yen พอย้ายที่พักไปแถบ Arashiyama เมืองแห่งแม่น้ำ ภูเขา ธรรมชาติ พลาดไม่ได้ที่จะไปแช่ออนเซ็น และก็ไม่ผิดหวัง มีออนเซ็นอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ค่าบริการ 1,000 yen มีทั้งอ่างน้ำวน บ่อน้ำแร่ ให้เลือกลงแช่ ประมาณ 10 บ่อ ใครที่กำลังลดพุง มีสายพรานปั่นพุงบริการด้วย

การมีโอกาส ได้อาบน้ำแบบญี่ปุ่น ทำให้เข้าใจ การดำเนินชีวิตของชาวญี่ปุ่นมากขึ้น เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนญี่ปุ่น ถึงแก้ผ้าอาบน้ำร่วมกัน โดยไม่อาย เป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติ เป็นวิถีชีวิต เป็นธรรมมะนั่นเอง  

ออนเซ็นแนะนำ 
http://www.ndg.jp/tenzan/
http://www.yokosojapan.org/onsen/index.html

Monday, April 9, 2012

เครื่องสำอางค์ “CANMAKE” Tokyo ขอบอกว่า Can Make สมชื่อจริงๆ

ช่วง 14 วัน ที่อยู่ญี่ปุ่น เครื่องสำอางค์หลายชิ้นที่นำไปจากเมืองไทย สามัคคีจับตัวกันจนแข็ง เหมือนเพิ่งออกมาจากตู้เย็น โดยเฉพาะ น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 100% ที่พกไปไว้สำหรับทาผมผิว ไม่ได้ใช้เลย ทำให้ต้องหาซื้อโลชันทาผิว และเครื่องสำอางค์อีกหลายอย่างมาใช้ ซึ่งก็ต้องประหยัดตังค์ด้วย เพราะต้องอยู่ญี่ปุ่นอีกหลายวัน ไม่ได้พกมาม่ามาซะด้วย

เครื่องสำอางค์ญี่ปุ่น CanMake
 
ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านขายเครื่องสำอางค์ในญี่ปุ่น หาไม่ยากเลย โดยเฉพาะที่เกียวโต เดินเลือกไปเลือกมา สะดุดตากับป้าย “CANMAKE” Tokyo เข้าไปดูซะหน่อย โอ..เจอแล้ว ราคา OK ถือว่าไม่แพงนัก เมื่อเทียบกับ Made in Japan แบรนด์อื่นๆ เฉดสีของแป้งพัฟ เข้ากันได้กับผิวสีน้ำผึ้งเข้มอย่างเรา บลัชออน อายแชโดว์  สีสรรสดใส โดนใจ ตกลงปลงใจ พากลับเมืองไทยซะเลย

บ้านเราอากาศร้อน (มาก) อยู่ญี่ป่นผิวแห้ง กลับมาไทยผิวหน้าเราก็กลับมามันเหมือนเดิม เคยใช้แป้งพัฟบางแบรนด์ พอหน้ามันระหว่างวัน แป้งแยกตัวลอยออกจากหน้า แต่ “CANMAKE” ยังติดทนเหมือนเดิม เทียบกับราคาแล้วคุ้มมาก



"CANMAKE" เหมาะมากกับสาวๆ ที่กำลังมองหาเครื่องสำอางค์ญี่ปุ่นมาใช้เอง หรือหนุ่มๆ ที่กำลังหาซื้อขอฝากเพื่อนสาวๆ เราเคยแอบได้ยินหนุ่มๆเมาส์กันว่า ไม่รู้จะซื้ออะไรมาฝาก ญี่ปุ่นมีแต่เครื่องสำอางค์แพงๆ “CANMAKE” เป็นทางเลือกที่ขอแนะนำค่ะ


เครื่องสำอางค์ญี่ปุ่น CanMake




ตู้ไปรษณีย์ที่ญี่ปุ่น..น่ารักอ่ะ

ญี่ปุ่น..เป็นประเทศที่มีสินค้า ของใช้ และหลายๆ อย่างที่ดูน่ารัก จุ๊บุ จู๊บุ แม้กระทั่ง ตู้ไปรษณีย์ ที่เห็นในภาพเป็นตู้ไปรษณีย์รูปไห พบที่หน้าสถานี JR Uji ขณะเดินทางไปวัด Byodo-in  เห็นแล้ว โดนใจอย่างแรง อยากรีบส่ง Postcard กลับมาให้เพื่อนๆ ที่เมืองไทย เลยทีเดียว



Post card สวยๆ จากญี่ปุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 100 yen ค่าส่ง Airmail กลับไทย 70 yen เป็นสื่อส่งความคิดถึง ที่น่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้รับได้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันนี้ เราคงไม่ค่อยได้ส่งจดหมาย หรือ Post card ผ่านทางไปรษณีย์กันแล้ว เปลี่ยนมาส่ง email, e-card หรือโพสภาพขึ้น Facebook  ไม่รู้ว่าเมืองไทย มีตู้ไปรษณีย์น่ารักๆอย่างนี้หรือเปล่า



ถ้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีตู้ไปรษณีย์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ เช่น ขอนแก่น เป็นรูปแคน, ลำปาง เป็นรูปม้า หรือราชบุรี เป็นรูปโอ่งมังกร น่าจะส่งเสริมให้คนไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวหันกลับมาเขียนจดหมาย ส่ง Post card แทนความรู้สึกดีดีให้กันมากขึ้น






Friday, April 6, 2012

เกียวโต..ทะลุ ปรุโปร่ง..จริงๆ

ปฏิบัติการ Back to Japan 18-31 มีนาคม ที่ผ่านมา เป็นการเดินทางสู่ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ระยะเวลาเพียง 14 วัน ใช้ชีวิตอยู่ในเกียวโต 10 วันเต็มๆ แบบคนญี่ปุ่น ทั้งเดิน, ปั่นจักรยาน, รถบัส, รถไฟ JR, Randen, Keihan ใช้แผนที่เกียวโต อย่างคุ้มค่า กางแล้ว..กางอีก จนขาด..ทะลุ..ปรุโปร่ง..@-@

เกียวโต..นอกจากจะเป็นเมืองแห่งมรดกโลกแล้ว ยังเป็นเมืองที่อบอุ่นใจ สถานที่ท่องเที่ยวและที่พักส่วนใหญ่ มักพบพี่น้องชาวไทย ภาษาไทย ชาวญี่ปุ่นและต่างชาติที่เคยไปเที่ยวประเทศไทย แม้คนที่ยังไม่เคยไปเมืองไทย ก็แสดงอาการอยากมาเที่ยวเมืองไทยอย่างออกหน้าออกตา บางคนก็ถามด้วยความห่วงใย ถึงสถานการณ์น้ำท่วม จากภาพข่าวปีที่ผ่านมา   

แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่น เพียงลำพัง แต่ก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ การดำเนินชีวิตที่แตกต่าง มุมมอง ความคิด และอีกมากมาย เป็น 14 วันแห่งการเรียนรู้ที่คุ้มค่ามากๆ เพราะเราเชื่อว่า การเรียนรู้นอกห้องเรียน ต้องกล้าที่จะก้าว..ออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง


ขอขอบคุณหนังสือทุกเล่ม ผู้เขียนทุกท่าน ที่ได้รวบรวมข้อมูลความรู้จากการเดินทางไปญี่ปุ่น มาบอกเล่า บอกต่อ เป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้อยากกลับไปญี่ปุ่นอีก

Friday, March 9, 2012

รอผลวีซ่า (Visa) ด้วยใจ ตุ๊ม..ต่อม

หลังจาก..ที่ยื่นขอวีซ่า (Visa) ไปเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ก็รอฟังผล วีซ่า (Visa)  ด้วยใจ ตุ๊ม..ต่อม..เหมือนลุ้นผลสอบวิชาที่ไม่ถนัด แต่เอกสารทุกอย่าง จัดเต็ม! แม้เราจะเป็นนักธุรกิจเครือข่ายขายตรง ไม่มีเงินเดือนประจำ มีรายได้ไม่แน่นอน แต่บริษัทเอเชียนไลฟ์ ก็ออกใบรับรองการทำธุรกิจให้ ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ แถมเรายังเขียนอธิบายการทำธุรกิจ ที่มาของรายได้ เพิ่มเติมไปอีก 2 หน้า (ดูแบบจากพี่วุฒิ & พี่เคท) และอธิบายแผนการเดินทางเป็นรายวัน ตลอด 14 วัน ว่าไปที่ไหน พักที่ใด รู้จักใครในญี่ปุ่นบ้าง ส่วน Statement บัญชีธนาคาร ที่เรากังวัลมากที่สุด เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารแล้วส่งคืนมา บอกว่าเคยไปแล้วไม่ต้องใช้ ซึ่งครั้งก่อน เราไปกับคณะทัวร์ของ มูลนิธิบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา ยื่น Statement ไปเพียง 10,000.- แต่เงินเข้า-ออก เกือบทุกวัน ครั้งนี้เดินทางเอง พยายามรวบรวมเงินเข้าบัญชีธนาคารให้มากที่สุด แต่ก็ยังไม่ถึงแสน สุดท้าย..ไม่ต้องใช้ ดีใจมากเลย และแล้ว..9 มี.ค. ก็ได้พา Passport กลับบ้าน พร้อม Japan  Visa ที่แปะมากับเล่มอย่างสวยงาม..ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ มีเวลาเตรียมตัว 1 สัปดาห์ ก่อน Back to Japan. กำลังฝึกดูแผนที่รถประจำทาง แล้วเจอกันนะ Sakurasan.