มอบของขวัญปีใหม่ให้ตัวเอง 💝🇯🇵
ด้วยคอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่น เริ่มต้น อะ อิ อุ เอะ โอะ ใหม่เลย
:
เรียนภาษาญี่ปุ่นครั้งแรก พ.ศ. 2551 เพิ่งจบปริญญาโท กำลังร่อนรีซูเม่ เพื่อกลับสู่ชีวิตมนุษย์เงินเดือน ว่างงานอยู่หลายเดือน มีรายได้จากงาน part-time บ้าง พอจะมีเงินก้อนเล็กๆ ไปสมัครเรียนภาษาญี่ปุ่น ทั้งที่ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย และมองไม่เห็นโอกาสที่จะได้ไป แต่ใจมันรัก เรียนไว้ก่อนแล้วกัน
:
เรียนหลักสูตรเร่งรัด จันทร์ - ศุกร์ ภาคบ่าย และทำงานพิเศษช่วงเย็น - ค่ำ หนักพอสมควร ตังค์ก็มีน้อย เพราะยังไม่ได้ทำงานประจำ แต่เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจ ได้เรียนรู้ชีวิตอีกแง่มุมนึง ได้เพื่อนใหม่ในคลาสเรียนและงานพิเศษ
:
ตอนนั้นชอบญี่ปุ่นมากๆ อยากไปญี่ปุ่น อยากทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น แม้ความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น แค่ระดับเตรียมอนุบาล
:
:
หลักจากนั้นไม่กี่เดือน ได้งานที่ต้องเดินทางไปอบรมเรียนรู้ที่มาเลเซีย 4 เดือน ต้องรื้อฟื้นภาษาอังกฤษ ฝึกพูดฟังภาษาอังกฤษทุกวัน ภาษาญี่ปุ่นที่เรียนไปไม่ได้ใช้งานเลย
:
จนกระทั่ง พ.ศ. 2553 ลาออกจากงานประจำ หันเหเส้นทางชีวิตสู่ธุรกิจออนไลน์ จึงได้กลับมาสัมผัสภาษาญี่ปุ่นอีกครั้ง 🇯🇵
:
เกือบ 10 ปี ที่ทำธุรกิจพรีออเดอร์ญี่ปุ่น ตกอยู่ในวังวนของญี่ปุ่น แต่ภาษาญี่ปุ่นไม่พัฒนาเลย พึ่งพาแต่ Google translate ไปญี่ปุ่นก็พูดสำเนียงงูปลามาก รู้สึกอายที่จะพูดว่า “ตกหลุมรักญี่ปุ่น” 💝
:
ปีที่แล้ว เริ่มกลับมาทบทวนภาษาญี่ปุ่น แม้จะไม่จริงจัง แต่ก็ขยับเข้าใกล้มากกว่าเดิม เดินทางไปญี่ปุ่น 3 ครั้ง ภายใน 1 ปี เพื่อไปดูคอนเสิร์ตและหิ้วของจากญี่ปุ่น เหนื่อยและสนุกมาก
:
อยากเข้าใจและพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีกว่านี้ มีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เกเรนิดหน่อย 😅
:
ปีนี้ตั้งใจมุ่งมั่นจริงจัง ผ่านไป 10 ปี ขอเริ่มต้นใหม่ ยังไม่สาย
:
แม้อายุ 40++ แล้ว ความจำและสายตาไม่ดีเท่า 10 ปีก่อน
:
ประสบการณ์ที่สะสมจากธุรกิจพรีออเดอร์ญี่ปุ่น และไปญี่ปุ่นมาหลายรอบ น่าจะช่วยให้เรียนตามลูกๆ หลานๆ ในคลาสได้ 😂
:
ไม่มีคำว่า “สาย” ที่จะเริ่มลงมือทำ
💕 ถามใจตัวเองก่อน...
ได้คำตอบแล้ว “ลุย” กันเลย ✈️