Tuesday, March 19, 2019

ไปดองกี้ ทำอะไรกัน?

สิ้นสุดการรอคอยเมื่อ Don Don Donki 
เปิดสาขาแรกในไทย ใจกลางทองหล่อ #ดองกี้ทองหล่อ



สาวกสินค้าญี่ปุ่น แห่กันไปละลายทรัพย์ จนการจราจรติดขัด

จากที่สำรวจราคา มีทั้งที่ถูกและแพง แต่รวมๆ แล้วโอเค
ไม่ต้องเสียเวลาไปหิ้วจากญี่ปุ่น
ไม่ต้องรอของ สอยจากดองกี้ ทองหล่อ ได้เลย




แน่นอนว่า ส่วนใหญ่ไปช้อปปิ้งกันใช่ไหมคะ
โดยเฉพาะสตรอเบอรี่ ที่วางละลานตาเต็มดองกี้
แต่...เราตั้งใจไปตีเบสเบอลจ้า 




หลังจากดู “Tonari no Kaibutsukun” จบ
เราก็อยากไปหวดเบสบอลแบบ “ชิซึคุ” บ้าง
เผื่อจะเจอพระเอกอย่าง “ฮารุ” 





คิดว่าอยู่ญี่ปุ่น เลยเดินจากเอกมัยไปจนถึงดองกี้ ทองหล่อ
แค่ 1 กิโลกว่าๆ เหงื่อท่วมเลยจ้า
แวะดื่ม “กรีนที สตรอเบอรี่” ที่ “นานะ กรีนที คาเฟ่” ชั้น 1




หายเหนื่อย ก็ตรงดิ่งไปชั้น 5 D-SPORTS STADIUM

มีสนามเบสบอล, โต๊ะปิงปอง, บาสเกตบอล, แบตมินตัน, หน้าผาจำลอง และ เครื่องเกมตู้ (Arcade Game) มากมาย
จ่ายเพียง 100 บาท ไม่จำกัดเครื่องเล่น ภายในเวลา 1 ชั่วโมง

อายุขนาดเรา ไม่น่าเข้า D-SPORTS STADIUM หรือเปล่า?




อย่าได้แคร์ หวดเบสบอลไป 5 รอบๆ ละ 10 ลูก
ตีโดนบ้างไม่โดนบ้าง ต่อด้วยบาสเกตบอล และปิงปอง

เล่นเต็มที่ 1 ชั่วโมง เหนื่อยแต่สนุกมาก
รอบหน้าตั้งใจจะไปร้องคาราโอเกะ แม้จะหายใจผิดคีย์ก็ตาม

ผ่านมาแล้ว 2 วัน ยังปวดเมื่อยตัวไม่หาย
คงต้องกลับไปถอน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

เพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยไปสัมผัสชั้น 5 ดองกี้ รีบเลยนะคะ
ช่วงเปิดตัว ค่าบริการต่างๆ ยังไม่แพง

อย่ากังวล ว่าเราอายุเท่าไหร่?
ลองลุกออกไป ทำอะไรใหม่ๆ ที่ต่างจากเดิม

กระตุ้นความสดใสในตัวเราออกมา
เติมพลังชีวิต ให้ขับเคลื่อนต่อไป
คุณอาจได้พบเพื่อนใหม่ หรือไอเดียทำธุรกิจ อย่างคาดไม่ถึง



Thursday, March 7, 2019

30 วัน ก้าวข้าม “ความขี้เกียจ”

30 วัน ก้าวข้าม “ความขี้เกียจ” 
おめでとうございます。
ผลสอบวัดความรู้ Minna no Nihongo เล่ม 1 
ผ่านฉลุย 90%  (เกณฑ์ผ่าน 65%)



เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ที่หักดิบการใช้ชีวิต
เคยนอนหลังเที่ยงคืน ตื่นเที่ยงวัน
มาเป็นตื่นตี 5 นอนก่อนเที่ยงคืน
อ่านหนังสือ ทำการบ้านให้เรียบร้อย
แล้วถึงจะแต่งตัวออกจากบ้าน
ไปเป็นปลากระป๋องบน Bts อ่อนนุช เพื่อไปลงพร้อมพงษ์
:
แม้จะเป็นช่วงสถานีสั้นๆ ใช้เวลาไม่นาน
แต่ต้องลุ้นว่าจะมีขบวนโล่งๆ มารับหรือเปล่า
ถ้าคนแน่นติดๆกันหลายขบวน
มีโอกาสได้ใช้บริการพี่วินแว๊นไปส่งแน่ๆ
:
หลายครั้งที่อยากขี้เกียจ
“การบ้านไม่ทำ หนังสือไม่อ่าน นอนดูซีรี่ย์ข้ามคืน”
แต่เป็นเพียงความคิดชั่ววูบ
แว๊บเดียวก็ถูกความมุ่งมั่น ที่มีมากกว่าทำลายไป
:
เริ่มแรกผู้เรียนเต็มคลาส 21 คน
จบคอร์สแรก ไปต่อคอร์ส 2 ไม่ถึง 10 คน
หลายคนเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น
บางคนย้ายไปเรียนที่ใหม่ ใกล้ๆบ้าน
บางคนยังไม่สะดวกไปต่อคอร์ส 2
มีบ้างที่กลับไปเรียนซ้ำคอร์ส 1 ให้ความรู้แน่นกว่าเดิม



เรียนภาษาญี่ปุ่นและสอบให้ผ่าน ไม่ยากเลย
แค่ไปเรียนทุกวัน ทำการบ้านและแบบฝึกหัดด้วยตัวเอง
เพราะข้อสอบอยู่ในหนังสือและแบบฝึกหัดทั้งหมด
:
ยากที่สุด ไม่ใช่ข้อสอบ แต่คือการรับผิดชอบตัวเอง
(เราขาดเรียน 2 วัน ป่วยจริงกับป่วยการเมือง)
:
6 สัปดาห์ ที่ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เหนื่อยบ้างแต่ไม่ท้อ
เรามีความสุขมากที่ได้กลับไปเรียนภาษาญี่ปุ่น
ดีใจมากที่ออกจาก "Comfort zone" ได้
รู้สึกฟื้นคืนพลังขึ้นมาอีกขั้นแบบ “ซุปเปอร์ไซย่า”
:
ตั้งเป้าหมาย เรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง
ลงสู่สนามมาราธอนแล้ว แม้จะวิ่งช้าๆ
แต่เราจะวิ่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเส้นชัย
ไม่ได้แข่งกับใคร แข่งกับใจตัวเอง..แค่นั้นพอ