Tuesday, December 26, 2017

“ตกหลุมรักญี่ปุ่น”

“ตกหลุมรักญี่ปุ่น”

“อาการตกหลุมรัก” 
จะรู้สึกมีความสุขลึกๆ อยู่ในใจ โลกสดใสขึ้นได้ในพริบตา 

(1)  ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน จะมีภาพของญี่ปุ่น ผุดขึ้นในความคิดอยู่ตลอดเวลา แอบยิ้มคนเดียวบ่อยๆ โดยไม่รู้ตัว

(2)  อยากรู้จักและเข้าใจญี่ปุ่นมากขึ้น เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น, กินอาหารญี่ปุ่น, ชมภาพยนตร์ญี่ปุ่น, ฟังเพลงญี่ปุ่น, อ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น, สะสมโมเดลญี่ปุ่น, เรียนคอร์สพรีออเดอร์ญี่ปุ่น และอีกหลายๆ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น  เพื่อทำตัวให้ใกล้ชิดญี่ปุ่นมากขึ้น

(3) รู้สึกอารมณ์ดีและมีความสุขมากขึ้นเป็นพิเศษ ในช่วงเวลาที่ได้วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

(4) ยอมอดใจไม่ซื้อของบางอย่าง ใช้จ่ายประหยัดมากขึ้น เพื่อที่จะได้เก็บตังค์ไปญี่ปุ่นอีก

(5) พูดถึงญี่ปุ่นให้คนอื่นฟังด้วยแววตาเป็นประกาย อยากแบ่งปันเรื่องราว ความประทับใจที่ได้จากการไปญี่ปุ่น

(6) หลังกลับมาจากญี่ปุ่น จะเฝ้าติดตามตั๋วโปรโมชัน และมือสั่นกดจองรัวๆ อย่างไม่รู้ตัว

(7) โพสต์ภาพถ่ายที่ญี่ปุ่นต่อเนื่องตลอดทั้งปี แม้จะกลับมาไทยนานแล้ว

“อาการตกหลุมรัก” 
ช่วยเติมน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจให้สดใส และสร้างพลังได้ไร้ขีดจำกัด

เมื่อไหร่ที่คิดถึงญี่ปุ่น จะทำให้รู้สึกมีความสุขและมีพลังขึ้นมาทันที  
คุณตกหลุมรักญี่ปุ่นมาแล้วกี่ครั้ง? คุณไปญี่ปุ่นมาแล้วกี่รอบ?

ความผูกพันธ์กับญี่ปุ่น ซึมซาบมาตั้งแต่จำความได้ เราเติบโตมาในยุคโดราเอมอน, อิคคิวซัง, นินจาฮาโตริ, ดรากอนบอล, ไอ้มดแดง, หน้ากากเสือ, คําสาปฟาโรห์, การ์ตูนตาหวาน, ละครโอชิน, โกโบริ (พี่เบิร์ด) และโซนี่ วอล์คแมน

รู้สึกใกล้ชิดสนิทกับญี่ปุ่น เหมือนเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่เมื่อก่อนนี้ เพื่อนปิดกั้นตัวเอง ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปเยี่ยมบ้านได้ง่ายๆ อยากไปต้องขอ Visa และมีเงินในบัญชีหลักแสนบาท

ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ สวยงามทุกฤดูกาล มีดอกซากุระ สีชมพูเบ่งบานเต็มเมือง มีฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่ภูเขาปกคลุมไปด้วยใบไม้สีแดง, เหลือง, เขียว, ส้ม มีฟูจิซัง สูงเด่นสง่า เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ดูจากภาพถ่ายแล้วตกหลุมรัก อยากไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต

หลังจากลาออกจากงานประจำมาได้เกือบปี เพื่อมุ่งมั่นหาเงินบนโลกออนไลน์ เราได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ถึงหนทางหาเงินออนไลน์หลายๆ แบบ แต่ยังไม่ได้พุ่งตรงไปกับช่องทางใด จึงตัดสินใจไปญี่ปุ่น ด้วยเงินเก็บที่มีไม่มากนัก เชื่อมั่นว่า “การออกเดินทาง จะพาเราไปพบสิ่งที่เรากำลังตามหา”

เดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก ปี 2011 
ปลายกันยายน เริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง
 
ช่วงนั้นจะไปญี่ปุ่นต้องขอวีซ่า เรามีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะ “ไม่ผ่าน” เป็นสาวโสด, ไม่ได้ทำงานประจำ และมีเงินในบัญชีแค่ หมื่นเดียว...แต่ในที่สุด...ผ่านจ้า // 

ไปญี่ปุ่นครั้งแรก กับคณะทัวร์ของ “มูลนิธิบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา” ในญี่ปุ่น เรียกว่า  “Sekai Kyusei Kyo IZUNOME” ได้ไปโตเกียว, ฮาโกเน่ และอาตามิ อากาศเย็นสบายพอดีๆ แต่ยังไม่เห็นใบไม้เปลี่ยนสี เพราะใบไม้เพิ่งจะเริ่มร่วง ตลอด 7 วัน เรามีความสุขมาก อยากบันทึกทุกภาพความทรงจำเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ เพื่อจะได้ไม่ลืมเลือน...

เมื่อกลับมาไทย มีคนรอบข้างเข้ามาสอบถามถึงประสบการณ์ไปญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง เราหัวใจพองโตทุกครั้งที่ได้พูดถึงญี่ปุ่น อยากเล่า อยากถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อญี่ปุ่น จึงได้เขียน Blog เพื่อจะได้รู้สึกว่าอยู่ใกล้ๆ ญี่ปุ่นเสมอ และเพื่อคลายความคิดถึงญี่ปุ่นลงบ้าง  


ไปญี่ปุ่น ครั้งที่ 2 มีนาคม 2012 ต้นฤดูใบไม้ผลิ ขอวีซ่าเอง กล้ามาก!!
เราวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ล่วงหน้า 3 เดือน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า หากหมกมุ่นทำในสิ่งที่รักอย่างจริงจัง (บ้าคลั่ง) นอกจากเกิดความสุขแล้ว ยังเป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่ความสำเร็จในชีวิตด้วย

ตั้งใจอย่างแรงที่จะไปชมซากุระ แต่ต้องผิดหวัง เพราะปีนั้นอากาศหนาวนาน ทำให้ซากุระบานช้า ช่วงเราไปแค่ตูมๆ มีแต่ดอกบ๊วย สวยไม่แพ้ซากุระ ใช้เวลาในญี่ปุ่น 14 วัน อยู่โอซาก้า, นารา และเกียวโต เมืองแห่งมรดกโลก พักโฮสเทลและเกสเฮ้าส์ญี่ปุ่น นอนเสื่อทาทามิและฟุตอง นั่งรถบัส ปั่นจักรยาน พยายามใช้ชีวิตให้ใกล้ชิดคนญี่ปุ่นมากที่สุด  

เกียวโต..ทะลุ ปรุโปร่ง..จริงๆ >> http://kokoro-karakaku.blogspot.com/2012/04/blog-post.html

ไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ห่างจากครั้งแรกไม่กี่เดือน เป็นการเดินทางเพื่อไปพักใจ สงบจิตใจ เลือกไปญี่ปุ่น เพราะรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และสบายใจ เหมือนกลับไปบ้านหลังที่สอง 

กลับจากญี่ปุ่นรอบนี้ เราจริงจังกับธุรกิจพรีออเดอร์ญี่ปุ่น ตั้งใจทำเป็นอาชีพหลัก เพื่อบรรลุเป้าหมายหลัก 2 ประการคือ  มีรายได้จากธุรกิจออนไลน์ มากพอที่จะดูแลตัวเองได้ และใกล้ชิดกับสิ่งที่รักทุกๆวัน..นั่นก็คือ “ญี่ปุ่น"

ไปญี่ปุ่น ครั้งที่ 3 ฤดูร้อน ปี 2016 
ห่างจากครั้งที่ 2 นานถึง 4 ปี ชีวิตต้องก้าวผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งทุกข์และสุข แต่ทุกๆ ช่วงเวลา ยังมีภาพของญี่ปุ่นอยู่ในห้วงคำนึงเสมอ

ทริปสั้นๆ เที่ยวโตเกียวแค่ 5 วัน มีเพื่อนร่วมเดินทาง 1 คน เป้าหมายคือ ทะเลสาบคาวากูจิโกะ(Lake Kawaguchiko)

กลับมาไทยรอบนี้ หนักหนาสาหัสมาก ผลจากการลากกระเป๋าใบใหญ่ ไม่เจียมสังขาร กล้ามเนื้อหลังอักเสบ ต้องพักรักษาตัวหลายเดือน ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ควรใช้บริการขนสัมภาระ TA-Q-BIN (ทะคิวบิง) จ่ายค่าบริการแค่หลักพัน ดีกว่าเจ็บตัวและเสียค่ารักษา

ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อเอว ภัยเงียบหลังจากเดินทาง ที่คุณคาดไม่ถึง!! >>  

ไปญี่ปุ่น ครั้งที่ 4 ฤดูใบไม้ผลิ ปลายเมษายน 
มีเพื่อนร่วมทริป 2 คน เป็นนักเรียนในคอร์ส “จับเสือมือเปล่า Pre-order Japan รวยได้ ไม่ง้อทุน” เที่ยวโตเกียว 7 วัน อยู่ท่ามกลางดอกซากุระทุกวัน สมความตั้งใจเสียที คลาดกันมาหลายปีแล้ว 

นอกจากภาระกิจ ชมซากุระแล้ว รอบนี้ยังต้องทำกิจกรรมหลายอย่าง 

(1) รับหิ้วของจากญี่ปุ่น เป็นครั้งแรก ปกติจะรับสั่งทางออนไลน์ ไม่ได้รับหิ้ว
(2) ถ่ายภาพ เพื่อนำกลับมาประกอบบทความและหนังสือ 
(3) ถ่าย Fb live เพจ Kokoro Pre-order Japan เพื่อให้ลูกค้าติดตามความเคลื่อนไหว
(4) อัดคลิปวิดีโอ เพื่อนำกลับมาลงช่องยูทูป “จับเสือมือเปล่า Pre-order Japan”


ภาระกิจทั้ง 4 ข้อ ทำให้ 7 วันในโตเกียว สั้นมากๆ 
เราเดินไม่ต่ำกว่า 10 Kg. ทุกวัน ออกจากที่พักสายๆ กลับเกือบเที่ยงคืน (เกินเที่ยงคืน จะเข้าไม่ได้) ที่พักอยู่ห่างจากรถไฟใต้ดิน 700 เมตร แต่เป็นแหล่งนักท่องเที่ยว มีคนเดินตลอด ไม่น่ากลัว 

ไปญี่ปุ่นมากี่ครั้งแล้ว? มีคนถามเราบ่อยๆ 
เราไปญี่ปุ่นน้อยมาก (แต่ใจอยู่ญี่ปุ่นตลอด) 

นักเรียนในคอร์สของเรา เป็นแฟนคลับ J-Pop KAT-TUN ไปดูคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นมา 10 กว่าครั้งแล้ว และอีกหลายๆ คน ไปเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่า 10 ครั้ง (ไม่นับคนที่ไปทำงานนะ) 

ญี่ปุ่น ไปครั้งเดียวไม่พอ ไปแล้ว ยิ่งอยากไปอีก 
ตกหลุมรักญี่ปุ่น เป็นอาการที่ไม่มีเหตุผล ต้องลองไปเองแล้วจะเข้าใจ


ชีวิต คือ “การเดินทาง” 
ตลอดเส้นทาง เราได้เรียนรู้เพื่อพาตัวเองไปสู่...จุดที่ดีกว่าเดิม 

เรารักการเดินทาง วันข้างหน้าอาจมีประเทศที่เราได้ไป แล้วตกหลุมรักมากกว่าญี่ปุ่น ก็เป็นไปได้ เพราะแต่ละพื้นที่ ถูกธรรมชาติสร้างสรรให้มีความงามแตกต่างกันไป แต่กว่าจะถึงวันนั้น ญี่ปุ่นก็ได้กลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเราไปแล้ว

เมื่อไหร่ที่เราทุกข์ เราจะกลับไปพักใจที่ญี่ปุ่น
และเมื่อเราสุข เราก็จะกลับไปญี่ปุ่น อีกเช่นกัน

เมษายนปีหน้า ต้นฤดูใบไม้ผลิ ทริปชมซากุระ (อีกแล้ว) 
จะเป็นการเดินทางไปญี่ปุ่น ครั้งที่ 5  ยังไม่มีเพื่อนร่วมก๊วน

เชิญไปพิสูจน์ว่า ญี่ปุ่นจะทำให้คุณ “ตกหลุมรัก” ได้หรือเปล่า




No comments:

Post a Comment